เริ่มศึกพรีเมียร์ลีกช่วง “บ็อกซิ่งเดย์” ได้อย่างสุดมันส์ “อาร์เซนอล” คืนฟอร์มเก่งไล่ถล่ม “เชลซี” ไปขาดลอย 3-1 หยุดสถิติไม่ชนะใครเลยเอาไว้ที่ 7 นัด
มิเกล อาร์เตตา กุนซืออาร์เซนอล โล่งใจที่ได้ 3 แต้ม เหนือเชลซี เกมนี้ แทบจะตอกตะปูเก้าอี้ของตัวเขาให้มั่นคงมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาสั่นคลอนอย่างหนักว่าจะโดนปลด หรือไม่โดนปลด
ฟอร์มการเล่นของ “เชลซี” เป็นต่ออยู่แล้ว การเล่นที่เริ่มเข้าทาง ผิดกับอาร์เซนอลที่ไม่ชนะใครมา 7 นัดติด แถมแพ้ถึง 5 เกมด้วยกัน แถมก่อนเกม อาร์เตตาก็พบกับข่าวร้ายนอกจากจะไม่มี โอบาเมยอง กัปตันทีมที่เจ็บและ 3 นักเตะที่ชวดลงสนามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล มากัลเญส, ดาวิด ลุยซ์ และวิลเลียน
คนแรกต้องโดนกักตัว 10 วัน เพื่อรอดูอาการหลังไปสัมผัสกับคนติดเชื้อโควิด-19 ส่วนสองคนหลังแค่มีไข้แต่ไม่ติดเชื้อโควิด ก่อนหน้านี้ “ปืนใหญ่” ก็เป็นรองอยู่แล้ว แต่ขาด 4 ตัวหลัก ก็ยิ่งตกเป็นรอง แต่พอลงสนามสถานการณ์ดันกลับตาลปัตร เมื่ออาร์เซนอลกลับเล่นได้ดีกว่า “สิงห์บลู” ที่มีนักเตะค่าตัวพันล้านบาทอยู่หลายคน
แนวรุกของอาร์เซนอลกลับมามีสีสันอีกครั้งก็คงไม่พ้นการกลับมาของกาเบรียล มาร์ติเนลลี ดาวยิงชาวแซมบ้า วัย 19 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บหนักเพิ่งหายกลับมาลงสนามได้เป็นเกมที่ 2 เท่านั้น
การกลับมาของมาร์ติเนลลีมันทำให้แนวรุก “เดอะ กันเนอร์ส” ดูมีความหวัง เพราะการเดินเกมรุกเมื่อบอลอยู่ในเท้าของกาบี้นั้น มันเนียนตาเหลือเกิน
ฟอร์มการเล่นดูดีมีมากขึ้น ไม่ขาดๆเกินๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะลั่นสกอร์ไม่ได้ แต่ผลงานในสนามนี่ต้องยกนิ้วให้จริงๆเรียกว่าเป็น “เดอะ แบก” ก็คงไม่ผิด
สำหรับเชลซี แม้ว่าจะเต็มไปด้วยนักเตะระดับ ซุปเปอร์สตาร์ แต่ก็ยังไม่สามารถเล่นกันเป็นทีมเวิร์กได้ เหมือนยังเล่นแบบตัวใครตัวมันอยู่ ซึ่งถ้าแฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือชาวผู้ดี ไม่เร่งปรับแก้ รับรองว่าตัวเองจะตกที่นั่งลำบากแน่
โรมัน อบราโมวิช ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทุ่มเงินไปเยอะเพื่อที่หวังจะคว้าแชมป์ มาครองให้ได้ไม่ว่ารายการใดรายการหนึ่ง ซึ่งถ้า “แลมพ์” จบซีซันด้วยมือเปล่าก็เสี่ยงต่อการหางานใหม่เช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าชัยชนะของอาร์เซนอลเกมนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของทีมให้เรียกฟอร์มกลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าหลังจากนี้ลูกทีมของอาร์เตตาน่าจะ มีกำลังใจเดินหน้าเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องๆ
ติดตามทุกเรื่องราว ข่าวใหม่ๆได้ที่ >>>arsenalsociety<<<
